ถ้าใครเคยมีอาการเจ็บคอเวลากลืนน้ำลาย จะเข้าใจถึงความยากลำบาก ในการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นอาการที่ทำให้ระคายเคืองคอได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอมน้ำแข็ง, กลืนน้ำเย็น, ดื่มน้ำหวาน ทำอย่างไรก็ไม่ช่วยให้เจ็บคอน้อยลงเลย ยิ่งเมื่อถึงเวลารับประทานอาหารด้วยแล้ว ทรมานจนไม่อยากจะกลืนอะไรเลยทีเดียว ซึ่งอาการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ เป็นได้จากหลายสาเหตุ ส่วนใหญ่เกิดได้จากการติดเชื้อในช่องคอ (Pharynx) ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่ได้รักษา อาจทำให้กลายเป็นโรคปอดอักเสบ (Pneumonia) จนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
1. 5 โรคติดเชื้อไวรัส ที่ทำให้เจ็บคอเวลากลืนน้ำลาย
- โรคหวัด
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ คงเคยเป็นโรคหวัด (Common Cold) สักครั้งในชีวิต เกิดได้ในทุกช่วงวัย เป็นสาเหตุที่พบบ่อยเป็นอันดับต้น ๆ ที่ทำให้มีอาการเจ็บคอ อาจมีอาการไข้, ตัวร้อน, คัดจมูก, น้ำมูกใสไหล, ไอแห้ง ๆ บางครั้งอาจรู้สึกปวดเมื่อยตัว หรือปวดศีรษะได้
โรคหวัด ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส พบว่าประมาณ 20% เกิดจากเชื้อไรโนไวรัส (Rhinovirus) มักมีอาการภายใน 3 วันหลังได้รับเชื้อ และอาการมักดีขึ้นเองภายใน 7-10 วัน เพียงแค่พักผ่อนให้เพียงพอ, ดื่มน้ำมาก ๆ, รับประทานยาลดไข้ และยาสมุนไพรคูลแคป เพื่อระบายความร้อน สมดุลในร่างกายจะได้เป็นปกติในเร็ววัน อาการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ จะได้หายเร็วขึ้นกว่าเดิม
- โรคไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) มักมีการระบาดในช่วงหน้าฝน และหน้าหนาว ติดต่อโดยการหายใจเอาละอองฝอย ที่มีเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) เข้าร่างกาย ทำให้มีไข้สูงลอย 39-40 องศาเซลเซียส นานหลายวัน, มีอาการปวดศีรษะ, ปวดกล้ามเนื้อได้มาก, คออักเสบมาก จนรับประทานอาหารได้น้อย
ถ้าใช้ยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลง อาจใช้ยาสมุนไพรคูลแคปร่วมด้วย เพื่อลดความร้อนจากภายใน แก้ร้อนใน ช่วยลดไข้ได้อีกทาง โดยส่วนใหญ่ไข้จะเริ่มลงหลังผ่านช่วง 5 วันแรกไปแล้ว แต่อาการเจ็บคอ อาจอยู่ได้นาน 7-14 วัน
- โรคโควิด-19
โรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019, COVID-19) เป็นโรคอุบัติใหม่ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส โคโรนาซาร์โควี-2 (Severe Acute Respiratory Syndrome Coronavirus 2, SARS-CoV-2) มีอาการหลังได้รับเชื้อในช่วง 1-14 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้สูง, เจ็บคอ, อ่อนเพลีย, ไอบ้าง ระหว่างนี้การใช้ยาคูลแคป จะช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ อาจช่วยให้อาการกลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ และอาการผิดปกติต่าง ๆ ดีขึ้นได้เร็ว
โรคนี้มีอาการเด่นคือหายใจเหนื่อยหอบ ซึ่งบางรายไม่แสดงอาการ แต่หากตรวจออกซิเจนปลายนิ้ว อาจพบว่ามีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ (SpO2) อยู่ในช่วง 80%-90% (Happy Hypoxia) บางรายพบว่า มีอาการในระบบอื่นร่วมด้วย รักษาด้วยการให้ยาฆ่าเชื้อไวรัสเป็นหลัก ส่วนการรักษาอื่น ๆ เป็นไปตามอาการของผู้ป่วยแต่ละราย
- โรคโมโนนิวคลิโอสิส
โรคโมโนนิวคลิโอสิส (Infectious Mononucleosis) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในเด็ก ซึ่งยังสามารถพบได้ในผู้ใหญ่เช่นกัน แต่อาจไม่ได้รับการวินิจฉัยแยกจากโรคหวัด หรือไข้หวัดใหญ่ เพราะมีอาการไข้สูง, เจ็บคอเวลากลืนน้ำลายได้คล้ายกัน หากคลำบริเวณลำคอ จะพบว่ามีต่อมน้ำเหลืองโต (Cervical Lymphadenopathy) ที่สำคัญคือมีม้ามโต (Splenomegaly) และอาจมีตับโต (Hepatomegaly) ร่วมด้วย
อาการต่าง ๆ จะหายได้เองใน 2-3 สัปดาห์ แต่หากยังมีอาการเจ็บคอ หลังจากเป็นมาแล้ว 7-10 วันต้องระวังว่า อาจมีภาวะต่อมทอนซิลโตมาก จนอาจอุดกั้นทางเดินหายใจได้
โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอ็ปสไตน์บาร์ (Epstein-Barr Virus, EBV) หรือ Human Herpes Virus 4 (HHV-4) บางคนอาจติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการ ซึ่งหากติดแล้ว เชื้อนี้จะอยู่ในร่างกายตลอดชีวิต ทำให้สามารถแพร่เชื้อได้ ผ่านทางน้ำลายและสารคัดหลั่ง
- โรคเริม
โรคเริม (Herpes) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเริมชนิดที่ 1 (Herpes Simplex Virus type I, HSV-I) เป็นการติดเชื้อบริเวณปาก ติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรงจากผู้ที่เป็นโรค โดยใช้ระยะฟักตัวนาน 2-20 วัน ในระยะแรกจะเกิดตุ่มน้ำฟองใส เป็นได้ทั้งบริเวณปากด้านนอก หรือในช่องปาก (Herpetic Gingivostomatitis) จากนั้นเมื่อตุ่มน้ำแตกออก ทำให้เกิดแผลเปิดที่ทำให้เจ็บปวดได้มาก
นอกจากนี้ยังมีไข้สูง, ช่องคอแดงจากการอักเสบ ทำให้มีอาการเจ็บคอได้มาก, มีต่อมน้ำเหลืองโตได้ และหากเป็นคนที่มีโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับยากดภูมิ อาจทำให้อาการรุนแรงจากการติดเชื้อในปอดได้
2. เจ็บคอเวลากลืนน้ำลาย ต้องให้คูลแคปดูแล
คูลแคป (Koolcapp) เป็นยาสมุนไพรที่สกัดจากธรรมชาติแท้ 100% ประกอบด้วยบอระเพ็ด, ส้มซ่า, ผักกาดน้ำ และโกฐน้ำเต้า มีงานวิจัยของคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยรายงานว่า สามารถใช้ลดไข้ได้ โดยไม่รบกวนการทำงานของตับและไต ทั้งยังช่วยให้อาการเจ็บคอ, แก้ร้อนใน, ทำให้ท้องผูกดีขึ้นได้ เหมาะกับการใช้ชีวิตในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสเป็นอย่างมาก
สรุป
อาการเจ็บคอเวลากลืนน้ำลาย เกิดได้จากการติดเชื้อไวรัสในช่องคอ ก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจ ที่ทำให้ปอดติดเชื้ออย่างรุนแรงได้ โรคที่พบมากได้แก่ โรคหวัด, โรคไข้หวัดใหญ่, โรคโควิด-19, โรคโมโนนิวคลิโอสิส และโรคเริมในช่องปาก ทำให้มีไข้สูง, กลืนน้ำลายแล้วเจ็บคอ และอาจปวดเมื่อยตามตัวได้มาก นอกจากรักษาด้วยการรับประทานยาฆ่าเชื้อไวร้ส ร่วมกับรักษาตามอาการแล้ว การใช้ยาคูลแคปเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะช่วยลดความรู้สึกไม่สบายตัวได้อย่างมาก เป็นวิถีแห่งธรรมชาติแท้แบบ 100%